เขียนธรรม โดย ปุรณะ
พระสมเด็จพระอาจารย์สาคร อธิปญฺโญวัดบ้านไร่ชายเขา(ธ) ต.ลำสมพุง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี

พระสมเด็จ รุ่น ลาภ ผล พูล ทวี

พระอาจารย์สาคร  อธิปญฺโญ

วัดบ้านไร่ชายเขา(ธ) ต.ลำสมพุง อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี   โดย ปุรณะ

ประวัติการสร้างพระสมเด็จเนื้อผง รุ่น ลาภ ผล พูล ทวี

ถือเป็นขบวนการหนึ่งในศาสตร์ศิลป์แขนงวิชาการปั้นปูน ซึ่งมวลสารในการปั้นมีส่วนผสมของปูนเป็นหลักใหญ่ประสานเนื้อด้วยยางไม้ กาวหนัง น้ำอ้อยหรือขี้ผึ้งชั้นดี และเป็นวิทยาการที่ศิลปิน กรีก-โรมันกับอินเดียดึกดำบรรพ์ได้ใช้ปั้นพระพุทธรูปก่อนที่มีการนำกรรมวิธีนี้มาใช้ในการสร้างพระเครื่อง

พระเครื่องเนื้อผงที่มีความเก่าแก่ที่สุดในประเทศคือ พระกรุวัดทัพข้าว จังหวัดสุโขทัย รองลงมาคือ พระสมเด็จอรหัง วัดมหาธาตุ สร้างโดย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 4 หรือที่รู้จักกันในนาม พระสังฆราชสุกไก่เถื่อน และพระสมเด็จอรหังนี้ถือเป็นต้นแบบในการสร้างพระเนื้อผง รูปทรงสี่เหลี่ยมชิ้นฟัก ซึ่งสร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อประมาณปี พ.ศ.2360 สมเด็จพระสังฆราชสุก (ไก่เถื่อน) นี้ ท่านเป็นพระอาจารย์ที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี เคารพเป็นอย่างยิ่ง และถือเอาวัตรปฏิบัติ ตลอดจนวิธีการสร้างพระของพระอาจารย์องค์นี้มาสร้างสมเด็จวัดระฆัง พระสมเด็จบางขุนพรหม และพระสมเด็จเกศไชโย อันนับเป็นพระเนื้อผงที่ได้รับความศรัทธานิยมสูงสุดมาโดยตลอด ดังนั้นขั้นตอนกรรมวิธีการสร้างพระเนื้อผงในลำดับต่อๆมา จึงได้ยึดเอาขั้นตอนกรรมวิธี การจัดเตรียม การสร้าง และการปลุกเสก ตามอย่างสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)  

พระสมเด็จลาภ ผล พลู ทวี ของพระอาจารย์สาคร

                ท่านพระอาจารย์สาคร ท่านได้คิดทำพระสมเด็จขึ้นมา เพราะโดยปกติทุกๆวันลูกศิษย์ก็เข้ามาหาให้ท่านได้ช่วยเหลือเรื่องต่างๆทั้งด้านการค้าขาย การงาน และการประกอบอาชีพต่างๆไม่ขาด บางคนมาแล้วก็อยากได้ของดีไปบูชากัน ท่านก็ไม่มีอะไรให้ ท่านจึงได้ให้ช่างที่เป็นลูกศิษย์ได้ลองแกะพิมพ์พระสมเด็จขึ้นมา2พิมพ์ เป็นพิมพ์พระประธานกับพิมพ์ปรกโพธิ์  ซึ่งพิจารณาจากทรงพิมพ์แล้ว เป็นพระที่มีความสวยงามและมีความสง่ามากจึงได้ตกลงให้ช่างจัดพิมพ์ขึ้น

มวลสารพระสมเด็จอาจารย์สาคร

                ท่านอาจารย์ได้จัดเตรียมมวลสารเพื่อทำสมเด็จขึ้นตามแบบโบราณ ซึ่งต้องออกหามวลสารและเนื้อผงต่างๆมาเก็บไว้และบดเป็นผง เพื่อจะได้ไว้ผสมเวลาทำพระขึ้นโดยมีมวลสารต่างๆมากหลายชนิด มวลสารหลักในพระเนื้อผงก็คือ ผงปูนขาว ซึ่งโบราณจะใช้เปลือกหอยมาเผาไฟ แล้วบดให้ละเอียด เรียกว่า ผงปูนเปลือกหอยซึ่งมีคุณสมบัติ เช่นเดียวกัน เมื่อได้มวลสารหลัก ก็จัดเตรียมผงที่เป็นมงคลต่างๆ อาทิเช่น ว่านดอกไม้ แร่ทรายเงิน ทรายทอง วัสดุศักดิ์สิทธิ์ เป็นมงคลทั้งหลายที่เห็นสมควรนำมาเป็นส่วนผสมนำมาบดเป็นผง เป็นต้น

สิ่งที่ช่วยประสานเนื้อผง และทัพสัมภาระทั้งหลาย ให้เกาะติดเป็นเนื้อเดียวกันในสมัยโบราณจะใช้กล้วยน้ำ และน้ำมันตังอิ๊ว (กล้วยน้ำเป็นคำโบราณ = กล้วยน้ำว้า , น้ำมันตังอิ๊วเป็นยางไม้ชนิดหนึ่งผสมกับน้ำมัน ทำให้เกิดความเหนี่ยว)  จากสูตรการสร้างพระเนื้อผงของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี (ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้สร้าง สูตรนิยมหรือ สูตรครูในการสร้างพระเนื้อผงต่อๆมา) และในมวลสารของพระเครื่องที่สมเด็จโตสร้าง ท่านให้ความสำคัญกับธาตุแท้แห่งคุณวิเศษ คือ ผงวิเศษ 5 ประการ อันประกอบด้วย ผงปถมัง อิธเจ มหาราช พุทธคุณ และตรีนิสิงเห ซึ่งไม่ได้หมายความว่าเป็นชื่อของผงแต่ละชนิดแล้วนำมารวมผสมคลุกเคล้ากัน หากแต่เป็นผงชุดเดียวกันที่ผ่านกรรมวิธีซับซ้อนถึง 5 ขั้นตอนในการสร้าง โดยเริ่มต้นที่การสร้างผงปถมังก่อน แล้วเอาผงปถมังนั้นมาทำเป็นผงอิธะเจ แล้วสร้างต่อเนื่องจากผงเดิมจนครบกระบวนการทั้ง 5 อันนับเป็นภูมิปัญญาและสมบัติล้ำค่าต่อมวลมนุษยชาติสืบมา ได้รับรู้ ศึกษากรรมวิธี และนำเป็นต้นแบบที่ดีในการสร้างวัตถุมงคลเนื้อผง

                เมื่อได้ผงวิเศษ จึงนำมาคลุกเคล้ากับทัพสัมภาระอันพิจารณาแล้วว่าเป็นของดี มีมงคลอันประเสริฐ ที่ผ่านการบดละเอียดแล้ว จึงผสมผงปูน เปลือกหอยที่บดแล้ว ประสานมวลสารทั้งหมดด้วย กล้วยน้ำ (กล้วยน้ำว้า) และน้ำมันตังอิ๊ว ได้มวลสารรวมมีลักษณะเป็นแป้งเหนียวปั้นได้

                เมื่อได้แม่พิมพ์เป็นที่พอใจ จึงนำส่วนผสมข้างต้นมา กดลงในแม่พิมพ์ก่อนที่จะใส่มวลสารลงไป เพื่อป้องกันไม่ให้เนื้อพระติดกับแม่พิมพ์ ก็จะนำผงปูนมาโรยลงในพิมพ์ก่อนที่จะหยอดเนื้อมวลสารลงไป เมื่อกดพิมพ์ได้ที่แล้วก็จะเห็นเนื้อส่วนเกินที่ปลิ้นล้นจากแม่พิมพ์ แล้วจึงเคาะองค์พระออกจากแม่พิมพ์ การโรยผงปูนไว้ก่อน ทำให้พระไม่ติดพิมพ์ ธรรมชาติของแป้งโรยพิมพ์นับเป็นคุณสมบัติพิเศษอีกประการหนึ่งในการช่วยพิจารณาพระแท้

                ในครั้งแรก พระที่นำออกจากแม่พิมพ์ใหม่ๆ จะมีความชื้น และสดของผิวมวลสาร จำเป็นต้องนำไปตากแดด หรือผึ่ง ให้แห้ง ถ้าเป็นสมัยใหม่ ก็จะนำไปอบให้แห้ง ก็ถือว่าเสร็จกระบวนการผลิตพระเนื้อผง หากแต่คนในสมัยโบราณยังถือว่าเป็นพระที่ยังไม่ครบ ต้องทำการบวชเสียก่อน

                        ท่านพระอาจารย์ท่านได้ทำพิธีบวชพระสมเด็จหรือเราเรียกว่า ทำพิธีปลุกเสกพระสมเด็จที่ท่านได้ทำเสร็จแล้ว โดยปลุกเสกเดี่ยวตลอดพรรษา3เดือน ที่ผ่านมา เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จึงได้นำออกให้ลูกศิษย์ได้นำไปบูชากัน

สำหรับคุณผู้อ่านท่านใดต้องการมีไว้บูชา คงต้องรีบๆหน่อย ของดีมีน้อย ไปบูชาได้เลยที่สำนักสงฆ์บ้านไร่ชายเขา เบอร์โทรศัพท์ พระอาจารย์สาคร โทร.09-0358-5793 ขอให้โชคดีทุกคนครับ

 

                                                                                                            โดย นักเขียน ปุรณะ

โพสเมื่อ : 03 ม.ค. 2557,07:40   อ่าน 1552 ครั้ง