เขียนธรรม โดย ปุรณะ
พระอาจารย์สมหวัง สญฺจิตฺโต...พระผู้เมตตา พบทางสว่าง โดย ชัย คลองด่าน

ท่องบุญแดนธรรม โดย จิรปภา

พระอาจารย์สมหวัง สญฺจิตฺโต........พระผู้เมตตา พบทางสว่าง

พระอาจารย์สมหวังท่านเป็นพระที่มีความยิ้มแย้มแจ่มใสเสมอ ยามที่เราเข้าไปนั่งใกล้ๆเพื่อสนทนาธรรมรู้สึกได้ถึงความเย็นที่แผ่ออกมาจากใจที่เปี่ยมด้วยความเตตา ชีวิตทุกคนพระทุกรูปที่จะเข้าถึงความเย็นและสงบได้ ย่อมมีที่มาที่ไปอย่างแน่นอน ท่านเล่าว่าในวัยเยาว์ลำบากมากเป็นลูกชาวนาจนๆบ้านประทาย เมืองโคราช ตอนเด็กๆพ่อแม่มักเรียกท่านว่า “หมาน้อย” เพราะท่านเป็นเด็กที่น่ารักมาก และขยันช่วยพ่อแม่ทำงาน พอโตขึ้นหลังจากจบการศึกษาได้มาบวชเณรและอายุครบบวชจึงได้อุปสมบทเป็นภิกษุในศาสนาติดตามรับใช้ครูบาอาจารย์หลายรูป จึงได้วิชาความรู้มามากและเหนือสิ่งอื่นใดท่านได้เจ้าใจในเรื่องของธรรม จบบางครั้งรู้ถึงความสว่างโพลงขึ้นภายในจิต จึงรู้ว่านี้แหละสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงสอนมาให้พระที่บวชแล้วได้ตั้งใจปฏิบัติเพื่อให้บรรลุถึงคุณธรรมอันดีงาม

สิ่งที่บอกเราได้ถึงความสงบสุขแห่งความเย็นนั้นคือ “นิ่งสงบภายในจิต แม้กายไหว และด้วยอุปนิสัยแต่ใจที่นิ่งสงบด้วยจิตที่มีเมตตาธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่บอกให้เรารู้ถึงความเป็นพระอย่างแท้จริง

หลักธรรมค้ำจุนโลก

หลักธรรม  หรือคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั้น  ถึงแม้ว่าจะมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล  นับถึงปัจจุบันเป็นเวลา  2552 กว่าปีแล้ว แต่ทุกหลักธรรมยังคงทันสมัยอยู่เสมอ สามารถนำไปประยุกต์ใช้เป็นเครื่องดำเนินชีวิตและแนวทางในการบริหารงานได้เป็นอย่างดี ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะหลักธรรมดังกล่าวเป็นความจริงที่ สามารถพิสูจน์ได้ที่เรียกว่า สัจธรรม ปฏิบัติได้เห็นผลได้อย่างแท้จริงอยู่ที่เราจะนำหลักธรรมข้อใดมาใช้ให้เหมาะสมกับตัวเรามากที่สุด สำหรับนักบริหารก็มีหลักธรรมสำหรับยึดถือและปฏิบัติอย่างมากมาย ซึ่งได้นำเสนอไว้บ้าง เรื่องที่สำคัญดังต่อไปนี้

พรหมวิหาร  4

         เป็นหลักธรรมของผู้ใหญ่(ผู้บังคับบัญชา)  ที่ควรถือปฏิบัติเป็นนิตย์ มี 4 ประการ คือ

         1.  เมตตา      ความรักใคร่ ปรารถนาจะให้ผู้อื่นมีความสุข

         2.  กรุณา      ความสงสาร คิดช่วยเหลือผู้อื่นให้พ้นทุกข์

         3 มุทิตา      ความพลอยยินดีเมื่อผู้อื่นได้ดีมีสุข

         4.  อุเบกขา   วางตนเป็นกลาง ไม่ดีใจ ไม่เสียใจ เมื่อผู้อื่นถึงวิบัติ มีทุกข์

 

ธรรมอันที่กล่าวว่า ผู้นำต้องเผาไม่ไหม้ใครนินทาว่าร้ายก็นิ่งเฉยได้ด้วยอุเบกขาเป็นคุณธรรมอันนำจิตใจให้ผ่องใส บุคคลผู้เข้าไปได้นั่งใกล้ๆสามารถสัมผัสได้ถึงความเย็นทางกายและใจชีวิตที่ต้องต่อสู้กับปัญหาอุปสรรคคือสิ่งที่สร้างพลังทางใจให้เข้มแข็งเหมือนถูกฝึกอบรมด้วยโลกธรรม จริงๆแล้วการนอนน้อยตื่นนานก็เป็นคุณสมบัติของท่านอีกเหมือนกันเพราะต้องเผยแผ่ธรรมทางงานเทศน์ งานเขียนธรรมเผยแผ่ในหนังสือธรรมะ “โลกลี้ลับ” และการช่วยงานครูบาอาจารย์และงานคณะสงฆ์ไม่ขาด ทำทุกครั้งที่มีโอกาส จิตใจที่เมตตาเหล่านี้ที่เกิดจากภายในส่งผลออกมาภายนอกด้วย “ปิยวาจา” อันเป็นคุณสมบัติอีกประการหนึ่งที่ผู้เขียนได้สัมผัสรู้เห็นไดฟังมาตลอด15ปี จึงกล้าพูดได้ว่านี้แหละคือ “พระ” ที่รู้จักกาล รู้จักเวลา รู้จักบุคคล ควรหรือไม่ควรในการพูดในที่ชุมชนหรือหมู่สหธรรมิกก็ตาม จิตใจที่ดีงามเหล่านี้ ควรเป็นแบบอย่างที่ดีกับผู้ปกครองเป็นอย่างยิ่ง คือความมีใจซื่อตรงไม่คิดหวังใสสิ่งของอันเป็นลาภสักการะได้มาก็ให้ไป กุศลเหล่านี้จึงเป็นเครื่องนำทางให้บุคคลผู้ซึ่งปฏิบัติดีปฏิบัติชอบได้เดินเข้าถึง “แสงสว่างในธรรม” อย่างแท้จริง ตราบใดที่ยังมีผู้ปฏิบัติดี ตราบนั้นโลกเรายังไม่สิ้น “อริยะ” จึงเป็นความจริงที่ปรากฏให้เราทุกคนได้มาพบทางแห่งความดี ....เจริญธรรม

ต้องการสนทนาธรรมหรือต้องการนิมนต์ท่านไปแสดงธรรมและเทศน์ในงานต่างๆสามารถติดต่อกับท่านพระอาจารย์สมหวัง สอบถามวัดและที่อยู่ได้โดยตรงเลย โทร.086-2628145

โพสเมื่อ : 08 มิ.ย. 2556,16:45   อ่าน 1023 ครั้ง