เสียงธรรมจากพระป่า โดย
จิรปภา
หลวงปู่ชาญ ปิยธมฺโม พุทธะปะทะไสยเวทย์
สำนักสงฆ์ป่าโนนสมบูรณ์ บ้านโนนสมบูรณ์ ต.กฤษณา อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
วันนี้อากาศค่อนข้างสดชื่นแจ่มใส ข้าพเจ้าจะได้พาท่านผู้อ่านไปพบกับพระหลวงปู่รูปหนึ่ง
ที่ตลอดชีวิตอยู่กับการเดินธุดงค์ และการปฏิบัติแบบอุกฤษฏ์มาตลอดของชีวิตการเป็นพระป่า
รถเก่งโตโยต้า ที่ติดสติ๊กเกอร์
“ข่าวผู้พิทักษ์ปวงชน” ของเราแล่นมาเรื่อยๆตามเส้นทางเข้าหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งในอำเภอสีคิ้ว
เขตบ้านห้วยบงถึงบ้านโนนสมบูรณ์ ซึ่งวัดอยู่ห่างจากหมู่บ้านมาก ประมาณ5
กิโลเมตรทีเดียว ถนนดินทรายที่ทอดไปตามแนวไร่อ้อยของชาวบ้านที่เล็กๆพอรถวิ่งไปได้
ถึงแล้ว วัดป่าโนนสมบูรณ์ ที่ตั้งอยู่กลางป่าท้ายหมู่บ้าน
ซึ่งเดิมที่สถานที่นี้เป็นที่ป่าเสื่อมโทรม มีเจ้าของที่ชื่อยายคำพา
ได้ยกให้หลวงปู่ชาญ ครั้งที่ท่านมาปักกรดธุดงค์เมื่อหลายสิบปีก่อนนั้น ซึ่งท่านก็ไม่อยากรับที่ดินไว้เพราะชอบการเดินธุดงค์มากกว่าการสร้างวัด
หลวงปู่จึงได้ไปบอกครูบาอาจารย์ของท่านรับแทน
แต่ครูบาอาจารย์รับแล้วก็บอกให้ท่านช่วยอยู่ดูแลพระศาสนาที่นี้
ท่านจึงจำใจต้องรับหน้าที่เพราะเป็นคำสั่งของผู้เป็นอาจารย์
หลวงปู่ได้เล่าให้ฟังว่า เรื่องของการสร้างวัดเป็นเรื่องใหญ่ตอนนั้นหลวงปู่กำลังมุ่งเรื่องการปฏิบัติ
ชอบการเดินธุดงค์มากกว่า
ตลอดการเดินทุกเส้นทางที่ไปได้พบเห็นสิ่งต่างๆมากมายทั้งสิ่งที่คนมองเห็นและสิ่งที่เรียกว่าวิญญาณสัมภะเวสี
ก็มี เราเป็นพระก็ช่วยพวกนี้ไปด้วยการแผ่เมตตาให้บุญเค้าจะได้ไปผุดไปเกิดกัน
อย่างเช่น ไปพักที่ป่าช้าจีน ที่ฝังศพคนจีน และใกล้ๆก็เป็นที่ฝั่งศพไม่มีญาติเป็นป่าช้าที่น่ากลัวมาก
หลวงปู่ก็ปักกรดอยู่ในป่าช้า
ตอนกลางวันก็ดูเฉยๆไม่มีอะไรแต่ตอนกลางคืนมันช่างดูวังเวงและน่ากลัวมาก
ช่วงหัวค่ำก็เดินจงกรม พอดึกๆสักสี่ห้าทุ่มก็เข้ากรดนั่งสมาธิ ได้สักพัก สายลมพัดโชยกลิ่นเหม็นสาบๆ
หมาที่อยู่ในบ้านคน ก็เห่าหอนกัน มาแล้วสิ่งที่คนไม่อยากเจอ “ผี” มายืนจ้องมองท่าน
ที่นั่งอยู่ในกรด ท่านก็ได้แผ่เมตตาให้กับวิญญาณเหล่านั้นสักครู่หนึ่ง
วิญญาณก็หายไปกับตา ที่เป็นอย่างนี้เพราะหลวงปู่มีพลังจิตที่ส่งกระแสแผ่ส่วนบุญไปให้นั้นเอง
เพ่งที่จิตดูที่ใจ
หลวงปู่มักจะสอนโยมอยู่เสมอๆว่าให้หมั่นทำความเพียรเร่งปฏิบัติกันอย่าไปลังเลสงสัยอีกเลย
ความเกิดความตาย อย่าไปหลงในความสุขและความทุกข์
พยายามทำจิตของเราให้มีกำลังที่เข้มแข็ง ให้มีความตั้งมั่นของจิตให้ดี จะได้พิจารณาสิ่งทั้งหลายให้มันรู้แจ้งเห็นจริง
ประจักษ์เด่นชัดขึ้นมาในปัญญาของเราเอง
สมาธิที่คู่ควรแก่การงาน
เมื่อเรากำหนดภาวนาไปเรื่อยๆจะองค์บริกรรมใดๆก็ตาม
เมื่อจิตมีกำลังมันก็จะรวมลงเป็นหนึ่งนิ่งสงบอยู่อย่างนั้นพอสมควรแก่กำลังของมัน
สักพักมันก็ถอนออกมา แต่ถ้าเรายังพอมีกำลังก็ให้นำจิตเข้าไปใหม่
ทำแบบนี้อยู่บ่อยๆแล้วให้เราสังเกตดูว่าจิตเรามีอาการความรู้อย่างไร
ถ้าขณะจิตเข้าไปแล้วนิ่งสงบเฉยๆไม่สามารถทำอะไรได้เลยเหมือนมันไม่มีแรง
ก็แสดงว่าจิตของเรามันเป็นแค่ “ขณิกสมาธิ” ยังไม่พอแก่การงานทางด้านวิปัสสนา ยังต้องดำเนินจิตฝึกให้มากขึ้นอีก
จนกว่า จะมีกำลังที่มากว่านั้น ให้ญาติโยมสังเกตดูนะ หลวงปู่กล่าวต่อไปว่า
เวลาที่จิตเรามีกำลังที่จะคู่ควรแก่การงาน จิตเราจะเป็นแบบนี้ คือ
เวลาเราเข้าไปในสมาธิแล้ว สามารถแช่จิตให้นิ่งอยู่ได้นานๆ
บางที่มันอาจเคลื่อนได้บางแต่ให้เราพยายามให้มันอยู่ที่เดิม เมื่อกำลังมันเต็มอิ่ม
พลันแสงสว่างก็จะเกิดขึ้น มันเป็นสว่างภายใน จิตเราจะมีความแจ่มใสมาก
ร่างกายของเราจะเบามาก จิตจะรับรู้และสัมผัสสิ่งต่างๆได้ไวและคมชัด
ตอนนี้แหละให้เราลองขยับจิตของเราให้มันพิจารณาร่างกายดู ส่วนใดส่วนหนึ่งก็ได้
หรือจะดูที่เดียวทั้งร่างกายก็ได้ เราจะเห็นชัดเลยที่เดียว
ไม่ว่าจะดูกระดูกก็เห็นโครงกระดูกชัดเจน จะดูเนื้อก็เห็นชัดเจน
จนเรียกว่าทำเอาเราเบื่อร่างกายไปเลยที่เดียว
ไสยศาสตร์
กับพุทธศาสตร์
ในสมัยหลวงปู่เดินธุดงค์มาอยู่ที่นี้ใหม่ๆก็เคยเจอเหมือนกัน
ก็แถวๆนี้มันเป็นดงคุณไสยอยู่แล้ว พระมาก็โดนกันทั้งนั้น
พระองค์ไหนเก่งก็รอดไม่เก่งก็ตายเหมือนกัน ทั้งยาสั่ง ตะปูเสก เส้นผม น้ำมันพราย
สารพัดเลย โดนมาหมด แต่ ของพวกนี้มันทำอะไรหลวงปู่ไม่ได้เลย เพราะหลวงปู่นั่งสมาธิทรงอารมณ์อยู่ทุกวันและยังเจริญวิปัสสนากรรมฐาน
อยู่ตลอด จิตของหลวงปู่มีพุทธคุณอยู่ตลอดเวลา ที่ย่างเดิน ก็ยังภาวนาอยู่เลย
อะไรมันจะไปทำลายพุทธคุณได้ แต่ถ้าเป็นโยมหรือพระบวชใหม่ก็ตาม ทำแบบนี้ไม่ได้
ก็มีสิ่งที่ใช้ป้องกันเหมือนกัน คือต้องพยามสวดมนต์ ไหว้พระ และสิ่งที่สำคัญที่สุด
ต้องรักษาศีลให้ดี ถ้าทำได้ก็ป้องกันได้เช่นเดียวกัน
โซ่ กับ ตะปู
ลอยมาในอากาศ
หลวงปู่เล่าว่า
มีวันหนึ่งกำลังนอนอยู่กลางดึกที่ศาลาหลังเก่า มีเสียงดัง ตรึง แกรกๆ หลวงปู่ก็เพ่งดู
อ้อ!! มีคนมาลองดีซะแล้ว
แต่มันผ่านประตูกุฏิเข้ามาไม่ได้เพราะที่นี้เค้ามีเทวดารักษา คอยดูแลอยู่ ไม่ว่าอะไรก็ทำอะไรไม่ได้หรอก
พอตอนเช้าตื่นมาดู จริงๆด้วย โซ่เส้นเขื่องๆเส้นหนึ่งตกอยู่ตรงหน้าประตูกับตะปู2นิ้วอีก4-5ตัว
หลวงปู่บอกมันเอาจริง มันกะจะเล่นงานเราให้ตายเลย คนพวกนี้ใจคอมันอำมหิต
ไม่นึกถึงบาปบุญคุณโทษอะไรเลย เวรกรรมจริงๆหนอ
สนทนากับหลวงปู่ถึงตอนนี้ ก็ต้องพักก่อน
เพราะหลวงปู่ไม่ค่อยสบาย เดียวนี้ท่านอายุมากแล้ว 82 ปี
สังขารก็ล่วงเลยผ่านชีวิตมามาก สุขภาพก็เริ่มแย่ ต้องไปหาหมออยู่บ่อยๆ
ไม่ไปพวกลูกศิษย์ก็ไม่ยอม เค้ากลัวเราจะตาย หลวงปู่บอก ไม่กลัวแล้วความตาย
พร้อมอยู่ตลอด คนเราเกิดก็ต้องตาย ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
เราจะไปกลัวมันทำไม ยิ่งนักปฏิบัติกรรมฐาน
จะเป็นพระเป็นโยมก็ตามยิ่งไม่กลัวแล้วความตาย จิตมันรู้แจ้งแล้วว่ามันเป็นแค่สังขารร่างกาย
เมื่อมันมีขึ้นมันก็ต้องแก่ต้องตายก็แค่นั้นเอง
สำหรับสาระธรรมดีๆในฉบับนี้คงจะจบเรื่องราวของ หลวงปู่ชาญ ปิยธมฺโม วัดป่าโนนสมบูรณ์ ไว้แต่เพียงเท่านี้
สำหรับท่านใดมีข้อขัดข้องสงสัยธรรมะหรืออย่างไปกราบ หลวงปู่ชาญ ปิยธมฺโม
เพื่อสนทนาธรรมก็ขอเชิญได้ทุกเวลาติดต่อสอบถามเส้นทางที่ลูกศิษย์ ช่างแดง บ้านโนนสมบูรณ์ โทร.08-5200-6409 หรือที่สำนักงานผู้พิทักษ์ปวงชน
ฝ่ายข่าวธรรมะ วัดถ้ำบาดาล โทร.08-9028-3987,036-346323 ,08-1267-6416 และศูนย์ข่าวสระบุรี
คุณตรีภัทร คำประเสริฐ โทร. 08-5431-7840
ยินดีบอกทางและแนะนำเส้นทางให้ตลอดเวลา
และในฉบับหน้าผมจะได้นำสาระธรรมจากพระผู้อยู่ป่ามาแนะนำให้ท่านผู้อ่านที่สนใจธรรมะแนวพระป่า
ในโอกาสต่อไป โปรดติดตามนะครับ
เจริญธรรม.. |