ข่าวนิตยสารผู้พิทักษ์ปวงชน-สายข่าวท้องถิ่น
บทบาทหน้าที่ครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน

บทบาทหน้าที่ครูพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน

ความเป็นมาของโครงการพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน

โดย ปุระณะ  ตาเมือนธม

 

กรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรมได้ดำเนินการโครงการพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน มาตั้งแต่ปีงบประมาณ ๒๕๔๘-๒๕๕๐ โดยแรกเริ่มรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณให้จำนวน  ๑๐,๐๐๐,๐๐๐บาท เพื่ออุดหนุนเป็นค่าใช้จ่ายถวายพระสอนธรรมในโรงเรียนที่เข้าไปสอนในสถานศึกษา ระดับประถมศึกษา ระดับมัธยมศึกษา และระดับอาชีวะศึกษาทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ประมาณ ๖๐๐ รูป ภายหลังต่อมาจากการที่กระทรวงวัฒนธรรมได้ทำข้อตกลงความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ และมีการประชุมร่วมกัน พบว่ากระทรวงศึกษาธิการมีความต้องการพระสอน ฯ ไปสอนในโรงเรียนเฉพาะที่สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.)ไม่น้อยกว่า ๕๘,๐๗๓ รูป โดยเฉพาะโรงเรียนวิถีพุทธ ซึ่งมีอยู่จำนวนมากกว่า ๑๐,๐๐๐ แห่ง

บทบาทของครูสอนศีลธรรม

ครูควรมีการสำรวจประสบการณ์การเรียนรู้ของผู้เรียนว่าผู้เรียนแต่ละคน จะต้องใช้เวลาในการเรียนรู้มากน้อยแค่ไหน อย่างไรต้องให้โอกาสกับผู้เรียนได้ใช้กระบวนการ สืบเสาะแสวงหาความรู้ที่ตนค้นพบด้วยตนเอง

ครูต้องทบทวนบทบาทของตนเองใหม่ว่าตนคือผู้ให้องค์คุณของ กัลยาณมิตร ๖ ประการ

๑) วางตนในฐานะผู้ที่ศิษย์ไว้วางใจ

๒) วางตนให้น่าเคารพ

๓) วางตนในฐานะผู้ทรงความรู้

๔) วางตนในฐานะที่ปรึกษาที่ดี

๕) วางตนในฐานะผู้ฟังทีดี ฟังทั้งคำพูดและความรู้สึกของศิษย์วาง ตนในฐานเป็นผู้ทรงปัญญาสามารถอธิบายอย่างลึกซั้งให้ศิษย์กระจ่างได้

๖) วางตนในฐานะเป็นแบบอย่างที่ดีเป็นแบบในการประพฤติ ปฏิบัติ

โดยสรุปแล้ว ครูมีบทบาทสำคัญในฐานะเป็นผู้ออกแบบการจัดการเรียนรู้เพื่อเอื้ออำนวย ความสะดวกให้ผู้เรียนเป็นผู้แสวงหาความรู้และพัฒนาตนเองในบรรยากาศและสถานการณ์ที่ครูจัดให้ ผู้เรียนได้คิดเอง ปฏิบัติเอง และนำไปสู่การสร้างความรู้ด้วยตนเองอย่างพึงพอใจ การรู้จักผู้เรียนเป็น รายบุคคลหรือรายกลุ่มจะช่วยให้ครูมีข้อมูลที่สำคัญในการออกแบบการจัดกิจกรรมการเรียนที่ เหมาะสม สนองตอบความต้องการ ความถนัด ความสนใจและวิธีการหรือลีลาการเรียนรู้ของผู้เรียน แต่ละคนและบทบาทสำคัญยิ่ง คือ ครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในทุกด้าน(พระมหาปัญญา จอมนาสวน. ๒๕๔๙.)

มหาวิทยาลัยที่รับผิดชอบ

๓.๑ เป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยในการประสานงานโครงการพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนในจังหวัด

๓.๒ เสนอมหาวิทยาลัยแต่งตั้งคณะกรรมการอำนวยการโครงการพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน

๓.๓ จัดอำนวยความสะดวก สนับสนุน แก้ปัญหา ประเมินผลโครงการเพื่อให้พระปฏิบัติหน้าที่การสอนอย่างมีประสิทธิภาพ

๓.๔ แต่งตั้งคณะกรรมการศูนย์ประสานงานพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนประจำจังหวัด

 ๓.๕ สำรวจข้อมูลพระสอนศีลธรรม คัดเลือกและแต่งตั้งพระตามจำนวนที่กำหนดในแต่ละจังหวัด

๓.๖ จัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อพัฒนาศักยภาพการจัดการเรียนการสอนของพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน                          

๓.๗ จัดทำทะเบียนประวัติพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน

๓.๘ จัดทำบัตรประจำตัวพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน

๓.๙ จัดทำเกียรติบัตร การผ่านการอบรมของพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน

๓.๑๐ จัดทำประกาศผลการคัดเลือก

๓.๑๑ จัดทำคำสั่งแต่งตั้งพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนเสนอต่อเจ้าคณะภาค เจ้าคณะจังหวัด เจ้าคณะอำเภอ (แล้วแต่กรณี)

๓.๑๒ จัดประชุมเตรียมความพร้อมของเพื่อการปฏิบัติงานในสถานศึกษาอย่างมีประสิทธิภาพของพระร่วมกับผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษา ศึกษานิเทศก์ ผู้บริหารโรงเรียน ครูพี่เลี้ยงในจังหวัด

๓.๑๓ ดำเนินการเบิก-จ่ายเงินอุดหนุนเป็นค่าตอบแทนพระสอนศีลธรรมในแต่ละเดือน

๓.๑๔  ของบประมาณอุดหนุนพระ วางแผนการใช้งบประมาณ และจัดสรรงบประมาณตามโครงการพระสอนศีลธรรม

๓.๑๕  ประสานงานและสนับสนุนทุกส่วนราชการในระดับท้องถิ่น เพื่อให้การดำเนินงานตามโครงการพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

๓.๑๖   สนับสนุน อำนวยความสะดวกแก่พระสอนศีลธรรมในการปฏิบัติหน้าที่การสอนในโรงเรียนตามความเหมาะสม

๓.๑๗ ประเมินโครงการพระสอนศีลธรรมก่อน ระหว่างและสิ้นสุดโครงการและรายงานผลการประเมินโครงการ

๓.๑๘ จัดทำรายงานผลการประเมินโครงการพระสอนศีลธรรมในโรงเรียนในภาพรวมของจังหวัดและเขต ทั้งก่อนดำเนินโครงการ ระหว่างดำเนินโครงการ และหลังสิ้นสุดโครงการ จำนวน ๑ เล่ม นำเสนอต่อมหาวิทยาลัยและส่วนงานที่เกี่ยวข้อง

๓.๑๙ อื่นๆ ตามที่ได้รับมอบหมาย

ครูพี่เลี้ยงในสถานศึกษา

๘.๑ ร่วมกับพระสอนศีลธรรมในการวางแผนจัดกิจกรรมการเรียนรู้

๘.๒ เป็นพี่เลี้ยงแก่พระสอนศีลธรรม เพื่อให้การนำหลักธรรมตามหลักพระพุทธศาสนาสู่วิถีชีวิตของนักเรียนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตตามนโยบายของรัฐบาล

๘.๓ เป็นที่ปรึกษาและช่วยเหลือพระในด้านธุรการการสอน การปกครองชั้นเรียน การจัดกิจกรรมการเรียนการสอน และการประเมินผลการเรียนตามสภาพจริง

๘.๔ ร่วมกับศึกษานิเทศก์ ประเมินผลการจัดการเรียนการสอนของพระสอนศีลธรรม และเสนอแนะการดำเนินงานตามโครงการ

๘.๕ เมื่อพบปัญหาให้ดำเนินการแก้ไขปัญหา และหรือรายงานผู้บริหารสถานศึกษาเพื่อร่วมแก้ไขปัญหา

                               ดังนั้นโดยสรุปแล้ว สิ่งที่รัฐบาลคาดหวังจากครูพระสอนศีลธรรม ก็คือ อบรมให้เด็กเป็นคนดีมีศีลธรรม และอบรมให้เด็กเป็นคนดีอยู่ในศีลธรรมของพระพุทธศาสนา มีเบญจศีลเบญจธรรม ซึ่งเป็นบทบาทและหน้าที่ของครูพระสอนศีลธรรมโดยภาพรวม ส่วนในการสอนให้รู้ (ปริยัติ) ทำให้ดู (ปฏิบัติ) และอยู่ให้เห็น (ปฏิเวธ) นั้น สอนให้รู้ ก็คือ การสอนปริยัติธรรม ซึ่งหมายถึง การเล่าเรียนศึกษาธรรมะ ให้รู้ถึงสมมุติ บัญญัติ สำหรับคำสอนของพระพุทธเจ้าก็ต้องเรียน คือ เรียนให้รู้จักสมมุติบัญญัติที่เป็นภาษาธรรมะ เช่น คำว่า จิตภาวนา ศีล สมาธิ ปัญญา ขันธ์ ๕ นามรูป สมถะ วิปัสสนา ฯลฯ ฉะนั้นเสลาเราฟังธรรมะ เราจึงจะสามารถเข้าใจว่าคำที่ใช้ในธรรมะนั้นหมายถึงอะไร และสามารถพูดคุยในเรื่องของธรรมะได้รู้เรื่อง และสามารถนำมาปฏิบัติตามได้ ดังนั้นในขั้นตอนของการปริยัติธรรมนี้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าใครมีความสามารถแสวงหาได้มากเท่าได้สามารถจดจำได้มากเท่าใด ส่วนทำให้ดู ก็คือ เป็นผู้สงบสำรวม เป็นผู้ที่สุขุม รอบคอบ ใจเย็น เข้าใจเด็ก มีรู้เรื่องจิตวิทยาพัฒนาการในแต่ละวัย เด็กก็จะรักนับถือ พูดอะไรก็เชื่อ เช่น ทำเป็นแบบอย่างเหมือนท่านพระอัสสชิไป แล้วอุปติสสะเห็นว่าสงบเรียบร้อยสำรวมก็เลื่อมใส และอยู่ให้เห็น หมายถึง เป็นทัสสนานุตริยะ แปลว่า สิ่งที่เห็นอันประเสริฐ การเห็นอันประเสริฐ เช่น การเห็นธรรมของพระพุทธเจ้า เป็นต้น(พระธรรมโกศาจารย์,อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.)

เอกสารและสิ่งอ้างอิง

โครงการพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

พระธรรมโกศาจารย์,อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย. พระสงฆ์กับภาระ

การสอนศีลธรรมในสังคมปัจจุบัน : ชุด...สาระนโยบายโครงการพระสอนศีลธรรมในโรงเรียน มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย.

โพสเมื่อ : 27 เม.ย. 2561,20:48   อ่าน 1785 ครั้ง