กรรมฐานโดยวิธีอานาปานัสสติภาวนา
ตามแบบของท่านพุทธทาสภิกขุ
การฝึกจิตแบบอานาปานัสสติของท่านพุทธทาส
แบ่งออกเป็นระยะๆ ดังนี้
ระยะที่หนึ่ง เพ่งลมหายใจเป็นอารมณ์ ลมหายใจมีลักษณะอย่างไร
ให้เพ่งแน่วแน่อยู่ที่ลมหายใจเป็นอารมณ์ จนกระทั่งเกิดความสงบรำงับขึ้นเพราะการเพ่งนั้น
เมื่อมีความสงบรำงับแล้ว จะเกิดความรู้สึกเป็นสุข เพราะความเป็นสมาธินั้น
ระยะที่สอง พิจารณาความรู้สึกที่เป็นสุข
ให้มีความรู้สึกว่าความสุขที่เกิดขึ้นนี้ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา
อยู่ทุกลมหายใจเข้า-ออก
ระยะที่สาม การเพ่งดูจิต ให้เพ่งดูจิตในขณะที่ทำสมาธิภาวนานั้นว่าเป็นอย่างไร
จิตที่ประกอบด้วยสุขเวทนาเป็นอย่างไร
จิตมีตัวกูของกูหรือไม่มีตัวกูของกูเป็นอย่างไร พิจารณาทุกแง่มุม
อยู่ทุกลมหายใจเข้า-ออก ขั้นนี้เรียกว่า ดูที่ตัวจิต
ระยะที่สี่ ให้พิจารณาดูที่ตัวความจริงที่แฝงแสดงให้เห็นอยู่ที่ทุกๆ สิ่ง
โดยจะเป็นที่จิตหรือที่เวทนาหรือที่ลม ว่าความจริงมันเป็นอย่างไร
ซึ่งจะพบความจริงว่า
สิ่งทั้งปวงมีเหตุปัจจัยปรุงแต่งทั้งเหตุทั้งปัจจัยที่ปรุงแต่งและทั้งสิ่งที่ปรุงแต่งนั้น
มีการเปลี่ยนแปลง ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา เมื่อเป็นเช่นนี้
จะเกิดความรู้สึกสลด สังเวช เกิดความเบื่อหน่าย ก็ให้ดูการที่จิตค่อยๆ ถอยออก
ดูการที่ความรู้สึกโง่ รู้สึกหลง รู้สึกยึดถือนั้น ไม่อาจจะเกิดขึ้นมาอีก
ดูความที่ตัวกูของกู ไม่อาจโผล่ขึ้นมาอีก ระยะนี้เรียกว่า ดูธรรม หรือดูธรรมะอยู่ที่ส่งทั้งปวงและอยู่ทุกลมหายใจเข้า-ออก
ระยะที่ห้า คือ พิจารณาที่จิต เมื่อดูอย่างนั้นย่อมมีความหน่าย คลายกำหนัด
มีความปล่อยวาง
ระยะที่หก ดูความหลุด ความปล่อย ความดับ ความวางหรือความว่างว่ามีอยู่ตลอดกาล
ตลอดเวลาหรือทุกหนทุกแห่งอย่างไร
กรรมวิธีทั้ง 6
ระยะดังกล่าวข้างต้น
ท่านพุทธทาสภิกขุ ได้สรุปประมวลลงไว้ 4 ข้อ โดยระยะทั้ง 6 ดังกล่าวก็คือ สติปัฏฐาน 4
นั่นเอง
ทั้งนี้ท่านอธิบายรายละเอียด ซึ่งสรุปและถอดความได้ดังนี้
อันดับแรก คือการดูที่ลมหายใจ ท่านพุทธทาสภิกขุ อธิบายว่า ลมหายใจในภาษาบาลีเรียกว่า
"กาย" เรียกลมหายใจกับกายเป็นสิ่งเดียวกันเพราะว่า "กาย"
หมายถึงฝ่ายรูปถูกหล่อเลี้ยงด้วยลมหายใจ ดังนั้น การดูลมหายใจก็คือ ดูกาย
การดูกายหรือการดูลมหายใจนี้มีวิธีดู 4 ขั้นตอน คือ
-ดูลมหายใจยาว
-ดูลมหายใจสั้น
-ดูลมหายใจที่ปรุงแต่งร่างกาย
-ดูลมหายใจที่ปรุงแต่งร่างกายซึ่งค่อยๆ
รำงับลงละเอียดลง
การดูลมหายใจโดย 4
ลักษณะนี้เรียกว่า
"ดูกาย" หรือทำกายานุปัสสนาสติปัฏฐาน
อันดับที่สอง คือการดูเวทนา เวทนานี้หมายถึงความรู้สึก รู้สึกเป็นสุข เป็นสุขในสมาธิ
ลมหายใจค่อยๆ ละเอียดอ่อนลง การดูเวทนา มีวิธีดู 4 ลักษณะ คือ
-ดูเวทนาที่เกิดขึ้นเป็นปีติคือ
การพอใจในการกระทำที่กำลังกระทำอยู่
-ดูสุขที่เกิดขึ้น
-ดูปิติและสุขที่ปรุงแต่งจิต
-ดูปีติที่ปรุงแต่งจิตน้อยลงๆ
จนไม่ปรุงแต่ง
ทั้ง 4
ลักษณะที่ดูนี้เรียกว่า
"ดูเวทนา" การกระทำนี้เรียกว่า เวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน
อันดับที่สาม คือการดูจิตซึ่งมีลักษณะการดู 4 ลักษณะคือ
-ดูตัวจิตล้วนนั้นเป็นอย่างไร
-ดูจิตที่ปราโมทย์ ปีติ
ว่าเป็นอย่างไร
-ดูจิตที่ถูกทำให้ตั้งมั่น
ให้หยุด ให้สงบนั้นเป็นอย่างไร
-ดูจิตที่ถูกทำให้ปล่อยวางจากตัวกูของกู
นิวรณ์ หรืออุปกิเลส ต่างๆ ว่าเป็นอย่างไร
การดูดังกล่าวเรียกว่า
"ดูจิต" เรียกว่าจิตตานุปัสสนาสติปัฏฐาน
อันดับที่สี่ คือการดูธรรม ธรรมในที่นี้หมายถึง สัจธรรมหรือความจริง มีการดู 4
ลักษณะคือ
-เพ่งดูความไม่เที่ยง
เป็นทุกข์ เป็นอนัตตาหรือสุญญตาที่มีอยู่ในทุกสิ่ง
-ดูความเบื่อหน่ายคลายกำหนัด
(วิราคะ) ที่จะเกิดตามมาจากการพิจารณาดูไตรลักษณ์
-ดูความไม่เกิดของความคิดปรุงแต่งกิเลสตัณหาตัวกูของกู
(ดูนิโรธ)
-ดูความว่างที่สลัดถอนหมดในความเป็นตัวกูของกู
(ปฏินัสสัคคะ)
ทั้ง 4
ลักษณะเรียกว่า การดูธรรม
การกระทำนี้เรียกว่า เจริญธรรมานุปัสสนาสติปัฏฐาน ในการดูทั้ง 4
หมวด หมวดละ 4
ลักษณะ ท่านพุทธทาสภิกขุ
เรียกว่า "อานาปานัสสติ" |